สวนอินทผลัม 111 (ตองหนึ่ง) กาญจนบุรี สวนอินทผลัมคุณภาพสูง ขึ้นตลาดไฮเอนด์

ชื่อของสวนอินทผลัม 111 หรือ สวนตองหนึ่ง จ.กาญจนบุรี เป็นที่รู้จักอย่างดี ของแฟนพันธุ์แท้อินทผลัมผลสด เพราะคุณภาพของผลผลิตที่ทำออกมาได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ลูกใหญ่ หวาน กรอบ สีสด ผิวสวย ซึ่งมาจากการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี และมีมาตรฐาน

อีกทั้งสวนแห่งนี้ยังมีอินทผลัมผลสด สายพันธุ์ใหม่ๆ ให้ได้ชิม ช็อป ทุกปี

คุณบุษราภรณ์ ศุภกิจกาญจนา หรือ คุณเก๋ ให้ข้อมูลกับเว็บต้นไม้และสวนว่า สวนอินทผลัม 111 มีพื้นที่ 25 ไร่ มีอินทผลัมกว่า 800 ส่วนใหญ่มีอายุ 8 ปี ให้ผลผลิตต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 แล้ว ส่วนพันธุ์ใหม่ๆ ก็มีออกมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ช่วงเดือนกรกฎาคม -สิงหาคม

คุณบุษราภรณ์ ศุภกิจกาญจนา หรือ คุณเก๋ เจ้าของสวนอินทผลัม 111

ในแง่มุมทางการตลาดอินทผลัมจากสวน 111 มีการพัฒนาไปอีกขั้น กล่าวคือ สามารถเข้าสู่มาตรฐานระบบ GAP เพื่อขยายตลาดไปสู่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ระดับไฮเอนด์ อย่าง Food Land, Golden Place และ Max value อีกด้วย

“ตอนนี้อินทผลัมสวน 111 ติดผลผลิต มา 6 ปี แล้ว ในแต่ละปีเราก็ยังต้องเรียนรู้กับเขาอย่างไม่สิ้นสุด แต่ละปีเราพบปัญหาแตกต่างกันออกไป แต่ในภาพรวมผลผลิตมีคุณภาพมากขึ้น รสชาติดีขึ้น เนื้อสัมผัสอร่อย อย่างหลายๆ สายพันธุ์ที่รสชาติดีแต่เนื้อสัมผัสมีเสี้ยน กลับพบว่าปีนี้คุณภาพนี้ขึ้นกว่าเดิมอีก”

“ตอนนี้ทางสวนได้ทำ GAP แล้ว เพราะเราขยายการตลาด มีการส่งขายในซุปเปอร์มาร์เก็ต เรื่องคุณภาพผลผลิต ความปลอดภัย ปลอดสารเคมี ก็ต้องดูแลกันเข้มข้นขึ้นเพราะต้องมีการสุ่มตรวจสารเคมีอยู่ตลอด”

อัมเอ็ดดาฮาน

บาร์ฮีเหลือง

บาร์ฮีแดง

อย่างเราเป็นเจ้าของสวนก็ต้องเปิดชิมตลอดเพื่อเช็คว่า จั่นไหนสุก รสชาติดี พร้อมตัด เจ้าของสวนต้องชิมก่อนทุกจั่น เราเองก็มองว่าเรื่องความปลอดภัย ปลอดสารเคมี เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการทำอินทผลัม

คุณเก๋อธิบายถึงความสำคัญของความปลอดภัยเรื่องสารเคมี

👉 อินทผลัมหลากหลายสายพันธุ์ มีให้ ชม ชิม ช็อป ที่สวน 111

สายพันธุ์อินทผลัมที่สวน 111 ปลูกเป็นหลักก็ยังเป็น “บาร์ฮีเหลือง” ต้นเพาะเนื้อเยื่อที่ยังเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการทานอินทผลัม เพราะมีรสชาติหวาน กรอบ รับประทานง่าย ซึ่งจะพร้อมตัดในวันเปิดสวน 10 กรกฎาคม 2565 นี้

นอกจากนั้นยังมีพันธุ์ที่ได้รับความนิยมอย่าง “อัมเอดดาฮาล” ที่ขึ้นชื่อว่ารสหวานจัด ไม่ติดฝาดเลย จึงเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งที่รับประทานง่าย คนที่ได้ชิมล้วนพูดเป็นคำเดียวว่าหวานสุดๆ

อัมเอ็ดดาฮาน

บาร์ฮีเหลือง

สำหรับฤดูกาลนี้ จะไม่พูดถึงอินทผลัมผลโต สีแดงจัด รสชาติหวาน กรอบ อย่าง “G2” ก็คงจะไม่ได้ เพราะสายพันธุ์นี้สุกเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ เริ่มเก็บจำหน่ายได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดไม่แพ้กัน

แต่ G2 นี้ทางสวนจะขายทางออนไลน์เท่านั้น เพราะผลในช่อจะสุกไม่พร้อมกันต้องรับออเดอร์และเด็ดเป็นลูกขาย อาจจะมีรายละเอียดในการจัดการนิดหน่อย แต่สำหรับลูกค้าที่ซื้อไปไม่ผิดหวังแน่นนอน

ปีนี้ทุกท่านจะได้ชิมอินทผลัมน้องใหม่ อย่าง “บาร์ฮีแดง” ที่รสชาติอร่อย หวานกรอบ ผลโต เนื้อหนา เรียกว่าเต็มปากเต็มคำแน่นอน ที่สำคัญคนที่ปลูกอินทผลัมบาร์ฮีแดงไปแล้วขอให้สบายใจได้ เพราะเป็นพันธุ์ที่ดูแลง่าย ผลไม่หลุดร่วงง่ายเหมือนพันธุ์อื่นๆ ดูแลง่าย ไม่จุกจิก นับว่าเป็นพันธุ์ใหม่มาแรงที่น่าจับตามอง ท่านที่อยากปลูกอินทผลัมทั้งที่ปลูกไว้ทานและปลูกเพื่อจำหน่าย ใส่ “บาร์ฮีแดง” ไว้ในลิสต์ได้เลย

บาร์ฮีแดง

G2 (จีทู)

👉เที่ยวสวนยุคใหม่ต้อง ได้อัพสเตตัส

แนะนำสายพันธุ์อินทผลัมไปแล้ว เรามากินลมชมสวน 111 กันบ้าง สำหรับท่านที่คุ้นตากับสนามหญ้าที่เขียวและมีต้นอินทผลัมเรียงรายต้องสลัดภาพนั้นออกจากไปก่อน เพราะที่นี่ต่างจากสวนอื่นแน่นอน ท่านจะได้เห็นสวนอินทผลัมที่เหมือนอยู่ต่างประเทศ ด้วยพื้นที่สวนขนาด 25 ไร่ มีอินทผลัมกว่า 800 ต้น จึงรู้สึกเหมือนอยู่ในอาหรับยังไงยังงั้น

บรรยากาศโดยรอบตกแต่งสไตล์สวนทะเลทราย ทั้งรูปปั้นสัตว์ และภาพวาดสวยๆ ภายในสวนสะอาดสะอ้านแทบไม่มีต้นหญ้าเพราะทางสวนจะเก็บหญ้าตลอด เพื่อให้บริหารจัดการง่าย แต่สำหรับผู้ชมอย่างเราๆ นั้นจะได้ฟีลท่องเที่ยวสไตล์อาหรับอย่างแน่นอน ท่านใดที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและอัพสเตตัสขอให้เตรียมพร็อบให้พร้อมเพราะภายในสวนมีมุมให้ถ่ายภาพสวยๆ แน่นอน

👉มัดรวมเทคนิคการทำสวนอินทผลัม สไตล์ สวน 111

คุณเก๋ เจ้าของสวน 111 บอกกับเว็บต้นไม้และสวนว่า การทำสวนอินทผลัม ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเพราะยังเป็นพืชใหม่สำหรับคนไทย เรื่องการดูแล เทคนิคการจัดการต่างๆ ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ คอยสังเกตลักษณะอาการของต้นอินทผลัมบ่อยๆ ดูในเรื่องของการเจริญเติบโตว่ามีความผิดปกติหรือไม่อย่างไร

นอกจากนั้นยังมีศัตรูตัวร้ายอย่าง “ด้วงมะพร้าว” ที่มากัดกินยอดต้นอินทผลัม หรือแม้แต่กัดกินลำต้น หากไม่คอยสังเกตดูแลต่อเนื่องต้นอินทผลัมอาจถึงตายได้ สำหรับอีกหนึ่งเทคนิคที่หลายท่านอยากจะทราบก็คือเรื่องการใส่ปุ๋ยของสวน 111 เพราะสวนนี้เขาขึ้นชื่อเรื่อง อินทผลัมรสชาติอร่อย เนื้อดี ผิวสวย ผลใหญ่ เคล็ด (ไม่) ลับ อยู่ที่เรื่องน้ำ ถือว่าสำคัญจำเป็นต้องให้สม่ำเสมอไม่ขาด ส่วนการให้ธาตุอาหาร จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ควบคู่กับปุ๋ยเคมี โดยในช่วงบำรุงต้น หรือช่วงที่ยังไม่มีดอกหรือผลผลิต จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นหลัก แต่เมื่อออกดอกติดผลผลิตแล้วจำเป็นต้องให้ปุ๋ยเคมี โดยเน้นให้ปุ๋ยปริมาณน้อย แต่บ่อยๆ กล่าวคือ ใส่ครั้งละ 1 กก. เป็นประจำทุกเดือน และ 15-20 วันในช่วงที่มีผลผลิต ปุ๋ยที่ใช้ประจำคือ ปุ๋ยซาโกร สูตร 20-10-10, 12-12-17, และ 11-6-25 เป็นต้น

ส่วนท่านใดที่เดินชมสวนไปจนถึงโซนด้านหลังแล้วสังเกตเห็นมีการปลูกอินทผลัมต้นเล็กแซมไว้ระหว่างแถวต้นใหญ่ไม่ต้องสงสัยว่าคืออะไร เพราะเว็บต้นไม้และสวนได้สอบถามมาแล้วว่า เป็นการวางแผนในอนาคตว่าถ้าหากอินทผลัมชุดต้นใหญ่สูงขึ้นมากๆ จนทำงานยากขึ้นและอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ปฏิบัติงาน ก็อาจจะมีการล้มต้นอินทผลัมชุดนั้น โดยที่ทางสวนได้ปลูกต้นใหม่แซมไว้แล้ว

แต่ถ้าในอนาคตมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาทำให้การบริหารจัดการต้นอินทผลัมใหญ่ๆ ได้ง่ายและมีความปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงานก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะอินทผลัมชุดต้นเล็กที่ปลูกไว้ก็จะขุดออกไปปลูกในอีกพื้นที่หนึ่งเพื่อเป็นการ “ขยายสวน”

ฟังมาถึงตรงนี้แล้วหลายๆ ท่านน่าจะได้คำตอบว่าในมุมมองสวนสวนอินทผลัมที่อยู่แถวหน้าของเมืองไทยมองอนาคตอินทผลัมไทยไว้อย่างไร...??