สวนทุเรียนเมืองหอยใหญ่ เผยเทคนิคทำทุเรียนมูซานคิง 80 ลูก/ต้น

พูดถึงมูซานคิง ทุเรียนชื่อดังของมาเลเซีย ปีนี้เป็นปีที่ในเมืองไทยเริ่มให้ผลผลิตกันชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะทางภาคตะวันออก ซึ่งเป็นแหล่งปลูกทุเรียนหลักของไทย

เว็บต้นไม้และสวน ได้ติดตามเรื่องทุเรียนมูซานคิง มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเผยแพร่ทางช่องยูธูปต้นไม้และสวนทีวี ซึ่งเราสืบทราบมาว่ามีสวนทุเรียนมูซานคิง แห่งหนึ่งอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และให้ผลผลิตต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว

สวนทุเรียนแห่งนี้มีชื่อว่า “สวนทุเรียนเมืองหอยใหญ่” ของ พี่หมู คุณนพพร ฤกษ์จำนงค์ ในพื้นที่ ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี มีทุเรียนมูซานคิง กว่า 300 ต้น หมอนทอง 300 ต้นโดยประมาณ และทุเรียนสายพันธุ์อื่นเล็กๆ น้อยๆ ปะปนอยู่ด้วย

คุณนพพร ฤกษ์จำนงค์ เจ้าของสวนทุเรียนเมืองหอยใหญ่

ปีนี้ที่สุราษฎร์ฯ ดอกทุเรียนบานช่วงเดือนมกราคม-เดือนกุมภาพันธ์ แต่เมื่อมีฝนตกยาวต่อเนื่องจึงเก็บผลผลิตช้าออกไปอีกเล็กน้อย คือ มากกว่า 90 วันนิดๆ จึงเริ่มเก็บผลผลิตได้

พี่หมูบอกกับเว็บต้นไม้และสวนว่า ทางสวนไว้ผลผลิตเต็มที่เป็นปีที่ 2 จากที่สังเกตพบว่าต้นไหนที่ติดดอกและให้ผลผลิตในปีแรกแล้ว เมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 ต้นทุเรียนจะติดดอกและให้ผลผลิตได้ดีขึ้น เปรียบเทียบก็คงคล้ายกับมนุษย์ที่พอมีลูกคนแรกแล้วมามีลูกคนที่ 2 อะไรๆ ก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น หรือภาษาชาวสวนเรียนกว่า “ต้นทุเรียนเลี้ยงลูกเป็นแล้ว” นั่นเอง

สำหรับปีนี้แม้ว่าทางใต้จะประสบปัญหาฝนตกหนักต่อเนื่องและยาวนาน แต่ทุเรียนมูซานคิง ของสวนทุเรียนเมืองหอยใหญ่กลับมีลูกดกเต็มต้นตั้งแต่ 40-80 ลูก/ต้น นั่นเป็นเพราะพี่หมูเรียนนำประสบการณ์จากปีที่แล้วมาปรับใช้ และดูแลอย่างใกล้ชิด

ทุเรียนมูซานคิงปีที่ 2 ออกลูกดก

นอกจากนั้น เคล็ด (ไม่) ลับ ยังอยู่ที่การแต่งลูกให้ขาด

เทคนิคการดูแลให้ลูกโต ลูกใหญ่ คือ แต่งลูกให้ขาด ไว้ลูกให้เหมาะกับขนาดกิ่ง แล้วแต่งให้ขาดเลย เราแต่งทีเดียวตอนเล็กๆ ถ้าคิดว่าต้นนี้จะเอาไว้ 30 ลูก เราก็แต่งเลย เอาไว้แค่ 30 ลูก ทีนี้ต้นก็จะเลี้ยงแค่ 30 ลูก ถ้าต่อไปลูกบิดเบี้ยวเกินไปก็ตัดออกอีก แต่จำนวนลูกบิดเบี้ยวก็มีไม่มากเพราะเราไม่ได้ไว้ลูกมากเกินไป ต้นเลี้ยงไหวอยู่แล้ว

ส่วนปุ๋ยพี่หมูให้ข้อมูลว่า ใส่สูตร 15-5-20 เป็นหลัก 0.5-0.7 กก./ต้น ทุก 20 วัน ใส่ตั้งแต่เริ่มทำใบมามาจนถึงให้ผลผลิต โดยไม่ได้เปลี่ยนสูตร ซึ่งเทคนิคการให้ปุ๋ยของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน เรียนว่าสูตรใครสูตรมัน

หมูเล่าต่อไปว่าปีนี้ฝนค่อนข้างชุก และมาผิดฤดู โดยเฉพาะในช่วงที่ทุเรียนอยู่ในระยะหางแย้ ทำให้ต้นทุเรียนจำนวนหนึ่งสลัดดอกที่กำลังติดผลทิ้ง และอีกช่วงที่สำคัญคือ ระยะที่ทุเรียนใกล้ครบกำหนดตัด ฝนตกติดต่อกัน ทำให้ทุเรียนแตกใบอ่อน ส่งผลทันทีกับสภาพเนื้อทุเรียน และด้วยสภาพฝนที่ตกติดต่อกันนานนับสิบวัน จึงไม่สามารถฉีดยาคุมใบอ่อนได้ ซึ่งเรื่องฟ้าฝนเป็นเรื่องธรรมชาติที่ชาวสวนทุเรียนไม่สามารถควบคุมได้ เป็นหนึ่งในความเสี่ยงของการทำสวน

อย่างไรก็ตามผลผลิตทุเรียนมูซานคิง จากสวนทุเรียนเมืองหอยใหญ่ปีนี้มีประมาณ 2,000 ผล สวนทำการตลาด 2 แบบ คือ ขายออนไลน์ และ ออกบูธที่เซ็นทรัลสุราษฎร์ธานี อีกส่วนหนึ่งก็ขายส่งให้กับพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ซึ่งตัดขายหมดไปแล้วเมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในราคา กก.ละ 300-500 บาท

เนื่องจากสวนทุเรียนเมืองหอยใหญ่นับเป็นสวนแรกๆ ที่ปลูกมูซานคิง หรือเมื่อ 6 ปี ที่แล้ว หลังจากที่ทางมาเลเซียเริ่มโปรโมททุเรียนสายพันธุ์นี้ ทีมงานอดถามไม่ได้จริงๆ ว่าตอนที่คิดว่าจะปลูกทุเรียนมูซานคิง มีความกังวลเรื่องการตลาดหรือไม่ เพราะเป็นทุเรียนพันธุ์ใหม่ ตลาดในประเทศยังไม่กว้างนัก

คำตอบของพี่หมูคือ “ไม่กังวลเลย เพราะมูซานคิง เป็นของใหม่ เราเป็นคนสวนทุเรียนมือใหม่ คนอื่นกลัว แต่เรากล้า เราก็ลงปลูกมูมูซานคิง ไปเลย” เอาเป็นว่างานนี้ใจ และความกล้าล้วนๆ