“อินทผลัม" พืชทองคำ ปลูกง่าย กินผลได้ ประดับได้ ขายได้ราคาดี

นักรบอียิปต์มักจะพก “อินทผลัม” ไว้ในกระเป๋า ยามอ่อนล้าพวกเขาจะหยิบขึ้นมาทานเพียงแค่ 1 ผล จะสามารถต่อสู้กับข้าศึกได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

นี่คือเรื่องเล่าจากประเทศถิ่นกำเนิดของอินทผลัม จนทำให้เกิดความสงสัยว่า อินทผลัม เพิ่มพลังงานได้สูงเหมือน ป๊อปอายกินผักโขม เลยเชียวหรือ...???

ในทางโภชนศาสตร์ ระบุว่าลูกอินทผลัมให้คุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น พลังงาน แคลเซียม คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 และวิตามินเค อีกทั้งยังมีเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย

แม้อินทผลัมมีรสหวาน แต่ไร้คอเลสเตอรอล ไขมันต่ำ เต็มไปด้วยไฟเบอร์ช่วยลดอาการท้องผูก บำรุงร่างกาย แก้วิงเวียนศีรษะ แก้กระหาย ช่วยลดเสมหะในลำคอ หากทานในยามเช้าขณะท้องว่าง จะช่วยในการฆ่าเชื้อโรค ลดพยาธิ และสารพิษตกค้างอยู่ในลำไส้ และระบบทางเดินอาหาร เพราะอินทผลัมมีฤทธิ์ในการกำจัดสารพิษ และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิด ที่เป็นสารก่อมะเร็ง เมื่ออ่อนแรง หากรับประทานอินทผลัมภายในครึ่งชั่วโมง รายการจะกลับมามีกำลังวังชาดังเดิม

อินทผลัมจึง เป็นพืชเพื่อสุขภาพที่ทั่วโลกยอมรับตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน

ในประเทศไทยอินทผลัม พันธุ์กินผล ได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ว่ากันว่ามันดังพอๆ กับกระแสแห่ปลูกมะนาวเลยทีเดียว

ดังขนาดที่เจ้าพ่อไม้ดอกไม้ประดับเมืองนนท์ คุณปรีชา ธรรมชูเชาวรัตน์ ต้องหามาปลูก ในที่ดินย่านปากเกร็ด ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าว มีขนาด 101 ไร่ เขาได้ใช้ทำสวนไม้ดอกไม้ประดับมานานมากกว่า 20 ปี มูลค่าที่ดินไม่ต้องพูดถึง เพราะอยู่ในย่านทำเลทองของที่อยู่อาศัยโครงการใหญ่ๆ แต่เขาเลือกที่จะอนุรักษ์ไว้เพื่อทำเกษตร และพืชทุกตัวที่ทำล้วนมีค่าดั่งทองคำ ไม่ว่าจะเป็นชวนชม ลีลาวดี และล่าสุดคือ อินทผลัม

“ผมไปเที่ยวสวนที่สุพรรณบุรี แค่ลองชิมอินทผลัมพันธุ์ KL แค่ 1 ผล แล้วติดใจเลย วันนั้นก็ตัดสินใจซื้อต้นกล้ามาปลูกเลยสี่แสนบาท”

คุณปรีชาพูดถึงรักแรกเมื่อได้ลิ้มรส ซึ่งอินทผลัมที่เขาชิมเป็นพันธุ์กินผลสด รสชาติหวาน ไม่แพ้ผลไม้เลย แม้มันจะเป็นพืชตระกูลปาล์มก็ตาม

ทำให้เขาคิดการณ์ไกลไปว่า อินทผลัมจะกลายเป็นผลไม้ที่จะได้รับความนิยมในอนาคต และมีราคาค่อนข้างสูง ในห้างหรู ขายกันกิโลกรัมละเฉียดหนึ่งพันบาท แต่เมื่อศึกษาสรรพคุณจึงรู้ว่ามันเป็นคุณค่าทางอาหารสูง และเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีอนาคตไกลแน่นอน

ระยะเวลาเพียงปีกว่า สวน ปรีชา ก็มีสมาชิกใหม่เป็นอินทผลัมอยู่ 50 ไร่ ประกอบไปด้วยพันธุ์กินผลสด ได้แก่ พันธุ์ KL (แม่โจ้ 36) ซึ่งเป็นพันธุ์ยอดนิยมในเมืองไทย และพันธุ์บาร์ฮี (Barhi) ระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปีครึ่งถึง 2 ปี อินทผลัมส่วนหนึ่งก็ติดช่อดอกและออกผลมาให้ชม เนื่องจากต้นกล้าที่ซื้อมาครั้งแรกมีอายุ 2 ปี

“ปกติถ้าต้นกล้าอายุ 2 ปีนับจากเพาะเมล็ดมา เรานำมาปลูกลงดินเพียงแค่ปีครึ่ง-สองปีก็จะเริ่มให้ผลแล้ว แต่ปีแรกอาจจะไม่สมบูรณ์เราต้องตัดช่อออกบางส่วน ไม่ไว้เยอะ เพราะต้นมันยังไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่ตอนนี้สวนผมก็เริ่มเปิดให้คนที่สนใจเข้ามาชมอินทผลัม แล้วเราเปิดให้เขาชิมฟรีๆ กันเลยไม่ได้ขาย คนก็สนใจเข้ามามาก เขาไม่เคยกินกัน เพราะราคามันแพงมาก”

การเปิดให้ชิมฟรี เป็นวิธี “เรียกแขก” เข้าสวนได้เป็นอย่างดี จนกลายเป็นที่รู้จัก ซึ่งมีไม่กี่สวนที่ให้ชิมฟรีแบบไม่อั้น แต่ขอเพียงแค่เอาเม็ดคืนเท่านั้น เพื่อนำไปคัดเลือกเม็ดที่สมบูรณ์ไว้ขยายพันธุ์

หลังจากนั้นคุณปรีชายังซื้ออินทผลัมเข้าสวนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนำเข้าอินทผลัมพันธุ์บาร์ฮี แบบเพาะเนื้อเยื่อจากต่างประเทศมาปลูกและจำหน่ายกล้าพันธุ์ เขาบอกว่าต้นกล้าเพาะเนื้อเยื่อจะมีลักษณะทางสายพันธุ์นิ่งกว่าไม้เมล็ด

“ถ้าเพาะเนื้อเยื่อจากต้นแม่ที่ลูกใหญ่ หวาน ต้นกล้าที่ได้ก็จะเหมือนกัน แต่ถ้าเพาะจากเมล็ดแม้เราจะผสมเอง แต่ก็มีโอกาสที่แมลงจะนำเกสรจากต้นอื่นมาผสมทำให้มันไม่นิ่ง ไม่รู้ว่าจะเหมือนต้นแม่หรือเปล่า ต้องรอดูตอนมันออกลูก”

อินทผลัมสวนปรีชา หวานไม่ติดฝาด รสชาติดี เพราะดินเมืองนนท์

รสชาติอินทผลัมของสวนปรีชากลายเป็นที่ติดใจของผู้เข้ามาชมและชิม เพราะผลจะกรอบ หวาน ไม่มีรสชาติติดฝาดเลย ซึ่งนักทานรู้ดีว่านี่คือลักษณะที่ดีของอินทผลัมแบบทานผลสด

“ที่นี่ผมปลูกอะไรก็งามโตไว อินทผลัมก็เช่นกัน มันโตไว ให้ผลผลิตดี สองปีแรกก็ออกลูกแล้ว จนปีนี้เป็นปีที่สอง จึงมีผลผลิตออกมามาก เพราะมันเป็นดินเมืองนนท์ อดีตพื้นที่เมืองนนท์ขึ้นชื่อเรื่องผลไม้ ปลูกอะไรรสชาติก็ดี อร่อยกว่าปลูกที่อื่น อย่างทุเรียน ขึ้นชื่อที่สุดก็ทุเรียนเมืองนนท์ อินทผลัมก็เช่นกัน มันจึงมีรสชาติหวาน ไม่ติดฝาด”

อินทผลัมที่สวนปรีชา จะมีหลัก 2 ลักษณะคือ พันธุ์ที่มีผลสีเหลือง กับผลสีแดง

“พันธุ์ผลสีเหลืองเวลาอ่อนมันจะสีเขียว และเขียวอมเหลือง แต่พอมันแก่สีจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองเข้มและสีเหลืองทอง กรอบ รสชาติหวาน ส่วนพันธุ์สีแดง เวลาแก่จะค่อยๆ เป็นสีแดง และแดงเข้มเลย พันธุ์นี้นิยมกินผลแห้ง รสชาติหวานเหมือนเชื่อมน้ำตาลเลย”

นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี (ที่สองจากขวามือ) เยี่ยมชมสวน

เปิดให้ชิมฟรี ไม่มีขาย

แปลกแต่จริง...!!! ใครที่จะเข้ามาสวนปรีชามักจะถามก่อนเสมอว่า “ตอนนี้มีลูกเยอะมั้ย”

คุณปรีชาก็จะบอกว่า “มีครับ ปีนี้มีออกหลายต้นเลย มีตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงเดือสิงหาคม”

“แล้วมีขายมั้ย ขายกิโลละเท่าไหร่”

“ไม่ขายครับ แต่มีใช้ชิมฟรีๆ ไม่อั้น”

ทั้งๆ ที่ราคาผลอินทผลัมขายกันหน้าสวนกิโลละไม่ต่ำกว่า 500 บาท ถ้าขึ้นห้างเมื่อไหร่ เฉียดพันบาท แต่สวนปรีชาให้ชิมฟรี

คุณปรีชาบอกว่า “คนยังไม่เคยกินอินทผลัมมีเยอะมาก เพราะมันหากินยาก แล้วของสวนเราก็ยังออกไม่เต็มทั้งสวน ขายแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หมด สู้ให้คนที่ไม่เคยกินมาลองชิม ให้ได้รู้ว่ารสชาติมันเป็นอย่างไร แต่ชิมแล้วเขาติดใจทุกคน และก็อดไม่ได้ที่จะซื้อต้นกล้าไปปลูก ซึ่งเรามีขายตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป”

แต่ถ้าใครจะไปชิมอินทผลัมสวนปรีชา ก็ควรสอบถามให้ดีว่ามีผลให้ทานหรือเปล่า เพราะปกติมันจะเริ่มออกช่อดอกตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน และจะแก่ช่วงเดือนเดือนมิถุนายน-สิงหาคม)

ปลูกในตะกร้าก็ติดผลได้

อินทผลัมปลูกอย่างไร ดูแลอย่างไร...???

เจ้าของสวนอินทผลัมเมืองนนท์ บอกว่า พืชตัวนี้ปลูกง่ายดูแลง่าย เพราะโดยต้นกำเนิดมันเป็นพืชทนร้อนและแล้ง มีบ้านเกิดเมืองนอนอยู่แถบตะวันออกกลางและตอนเหนือแอฟริกา มันจึงไม่ค่อยชอบน้ำเยอะ แต่ก็ขาดน้ำไม่ได้ ดังนั้นใครจะปลูกก็ต้องคำนึงว่าต้องมีน้ำให้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าพื้นที่ที่มีฝนตกชุกๆ อย่างภาคใต้ก็ไม่เหมาะเท่าไหร่

“อินทผลัมปลูกง่าย ดูแลง่าย โรคแมลงรบกวนก็ไม่มี ไม่เหมือนพวกผลไม้ที่ต้องดูแลเอาใจใส่ฉีดปุ๋ยฉีดยา เพียงแค่เรารดน้ำทุกวัน ถ้าฝนตกก็ไม่ต้องรด ใส่ปุ๋ยคอก และปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ประมาณ 2 เดือนครั้งหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญเลยเราต้องปรับปรุงดินให้ดี ให้สมบูรณ์ อันนี้ก็แล้วแค่ใครจะหาวิธี ทำให้ดินดี ดินสมบูรณ์ มันโตสมบูรณ์แน่นอน ของผมแต่ละต้นจึงสมบูรณ์ใบเป็นสีฟ้าสวยด้วย ผมยังมองว่าต้นมันก็สวยประดับเหมือนพวกปาล์มประดับได้ มีผลสีเหลืองสีแดงกินได้ มีคุณค่าทางอาหารสูงด้วย” อินทผลัมในมุมมองของเขาจึงเป็นได้ทั้งไม้ประดับ และไม้ทานผล เช่นเดียวกับผลไม้

คุณปรีชาบอกว่า หากจะให้ติดผลดี จำเป็นต้องผสมดอกอินทผลัม ซึ่งจะมีประสิทธิภาพดีกว่าปล่อยให้แมลงผสมเอง โดยปกติอินทผลัมก็เหมือนพืชปาล์ม คือ ไม่สมบูรณ์เพศ แยกต้นตัวผู้ ตัวเมีย เวลาปลูกก็ควรจะมีทั้งต้นตัวผู้และตัวเมียอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เวลาต้นตัวเมียพร้อมผสมก็ไปตัดเกสรตัวผู้มาผสม จะทำให้การติดผลมีประสิทธิภาพสูงขึ้น จึงจะเห็นได้ว่าแม้ต้นจะอายุเพียงแค่ 3-4 ปี แต่ติดผลเยอะมาก ทะลายละ 3-4 กก. หรือต้นละมากกว่า 50 กก.จนต้องตัดลูกทิ้งส่วนหนึ่งเพื่อไม่ให้ต้นแม่แบกภาระเลี้ยงดูมากจนเกินไป ซึ่งจะมีผลให้ต้นโทรม และให้ผลผลิตน้อยในปีต่อไป

ใครที่อยากจะปลูกอินทผลัมก็ควรจะหาต้นตัวผู้และต้นตัวเมียไปปลูกด้วยกัน แต่คำถามก็คือจะรู้ได้อย่างไรว่า ต้นไหนคือ ต้นตัวผู้ หรือ ต้นตัวเมีย...???

ต้นกล้าอินทผลัมจำนวนมาก

คุณปรีชาบอกว่า ปกติถ้ายังไม่เห็นดอกไม่มีทางรู้หรอกว่าเพศอะไร ถ้าอยากให้ชัวร์ 100% ก็ต้องซื้อต้นใหญ่อายุ 2 ปีขึ้นไป ซึ่งที่สวนปลูกไว้ในตะกร้าขนาดใหญ่ บางต้นติดผลแล้วก็มี แต่ถ้าจะซื้อต้นกล้าก็ต้องซื้อไปลองปลูกหลายๆ ต้น ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะจากการนำตัวอย่างต้นอินทผลัมภายในสวนไปตรวจหาเพศในห้องแล็บ 50 ต้น ปรากฏว่ามากกว่า 70% เป็นต้นตัวเมีย นั่นหมายความว่าได้ต้นตัวเมียมากกว่าตัวผู้แน่นอน ถ้ามาสวนปรีชา

อินทผลัม ผลไม้ใหม่ มูลค่าสูง

คุณปรีชา ในฐานะผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเกษตร ให้มุมมองอินทผลัมว่า อนาคตจะเป็นพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ในประเทศอนาคตอันใกล้จะมีฐานะเทียบเท่ากับผลไม้ขึ้นชื่อของไทย เช่นเดียวกับ ทุเรียน เงาะ ลำไย และลองกอง เป็นต้น

ขณะเดียวกันความต้องการของทั่วโลกมีเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง และทั่วโลกยอมรับ แต่ต่างประเทศที่มีการผลิตนานๆ อย่างแถบตะวันออกกลางจะเป็นพันธุ์กินผลแห้ง รสชาติจะหวานเหมือนอินทผลัมเชื่อม แต่จริงๆ มันคือ ผลแห้ง ส่วนผลสดยังมีไม่มากและรสชาติไม่หวานเหมือนของไทย